ในยุคที่คุณภาพอากาศภายนอกเป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศที่เพิ่มมากขึ้น การมีระบบเติมอากาศที่ดีในบ้านหรือสำนักงานจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เครื่องเติมอากาศ (Fresh Air Ventilation) ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราได้รับอากาศสะอาดเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดพลังงานและเพิ่มความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยอีกด้วย
ระบบเติมอากาศคืออะไร?
ระบบเติมอากาศ (Fresh Air Ventilation System) คือระบบที่ทำหน้าที่นำอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกเข้ามาเติมภายในอาคาร พร้อมทั้งระบายอากาศเสียออกจากอาคาร เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศที่ดี ช่วยเจือจางสิ่งปนเปื้อนต่างๆ และเพิ่มปริมาณออกซิเจนในอาคาร
หลักการทำงานหลัก
- การดูดอากาศจากภายนอก – ระบบจะดูดอากาศจากภายนอกอาคารผ่านระบบกรองที่มีประสิทธิภาพ
- การกรองอากาศ – กรองฝุ่นละออง PM2.5 สารมลพิษ และเชื้อโรคต่างๆ ออกจากอากาศ
- การปรับสภาพอากาศ – ในระบบที่มี ERV จะมีการแลกเปลี่ยนความร้อนและความชื้น
- การจ่ายอากาศ – ส่งอากาศสะอาดเข้าสู่พื้นที่ใช้งาน
- การระบายอากาศ – ดูดอากาศเสียออกจากอาคาร
ประเภทของเครื่องเติมอากาศ
1. เครื่องเติมอากาศแบบธรรมดา (Standard Fresh Air Ventilator)

คุณสมบัติ:
- กรองอากาศผ่านแผ่นกรองหลายชั้น
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 7,700-19,500 บาท
- เหมาะสำหรับพื้นที่ทั่วไปที่ไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา
ข้อดี:
- ราคาไม่แพง
- ติดตั้งง่าย
- บำรุงรักษาไม่ซับซ้อน
ข้อเสีย:
- ไม่มีการควบคุมอุณหภูมิ
- อาจทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นเมื่อใช้กับเครื่องปรับอากาศ
2. เครื่องเติมอากาศแบบ ERV (Energy Recovery Ventilator)

คุณสมบัติ:
- มีระบบแลกเปลี่ยนความร้อนและความชื้น
- ราคาประมาณ 22,000-62,000 บาท
- ประหยัดพลังงานได้มากถึง 28%
ข้อดี:
- ประหยัดพลังงานสูง
- ควบคุมความชื้นได้ดี
- เหมาะกับการใช้งานร่วมกับเครื่องปรับอากาศ
- ลดอุณหภูมิอากาศที่เข้ามาจากภายนอก
ข้อเสีย:
- ราคาสูงกว่าแบบธรรมดา
- ซับซ้อนในการติดตั้งและบำรุงรักษา
3. พัดลมกรองอากาศ (Air Filtration Fan)
คุณสมบัติ:
- ทำงานคล้ายพัดลมระบายอากาศแต่มีระบบกรอง
- ราคาประมาณ 8,800-29,900 บาท
- มีทั้งแบบอินเวอร์เตอร์และแบบธรรมดา
ข้อดี:
- ใช้พลังงานน้อย
- เงียบ
- เหมาะสำหรับพื้นที่เล็ก
การออกแบบระบบเติมอากาศ
ปัจจัยที่ต้องพิจารณา
1. ขนาดพื้นที่
สูตรการคำนวณ:
- พื้นที่ใช้งาน ÷ 40 ตรม. = จำนวนเครื่องที่ต้องการ
- สำหรับพื้นที่ใหญ่กว่า 40 ตรม. ควรใช้หลายเครื่องหรือเครื่องขนาดใหญ่
2. ประเภทของอาคาร
บ้านพักอาศัย:
- เน้นความเงียบและประหยัดพลังงาน
- เหมาะกับระบบ ERV ขนาดเล็ก
สำนักงาน:
- ต้องการอัตราการแลกเปลี่ยนอากาศสูง
- เหมาะกับระบบ All Fresh Air Unit
คอนโดมิเนียม:
- จำกัดพื้นที่ติดตั้ง
- เหมาะกับเครื่องแบบ Wall Mount
3. สภาพอากาศในพื้นที่
เขตร้อนชื้น (เช่น ประเทศไทย):
- ควรเลือกระบบที่มีการควบคุมความชื้น
- ERV เหมาะสมกว่า HRV
เขตหนาวแห้ง:
- HRV อาจเพียงพอ
- เน้นการแลกเปลี่ยนความร้อน
หลักการออกแบบ Positive Pressure
ระบบเติมอากาศที่ดีควรสร้างสภาวะ ความดันบวก (Positive Pressure) ภายในอาคาร:
- ปริมาณอากาศเข้า > ปริมาณอากาศออก ประมาณ 20%
- ป้องกันการรั่วซึมของฝุ่นและมลพิษจากภายนอก
- บังคับให้อากาศเข้ามาผ่านระบบกรองเท่านั้น
การติดตั้งเครื่องเติมอากาศ
ขั้นตอนการติดตั้ง
1. การสำรวจสถานที่
ประเด็นที่ต้องตรวจสอบ:
- โครงสร้างของอาคาร
- ตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับติดตั้ง
- แหล่งจ่ายไฟฟ้า
- ทางเดินของท่อลม
2. การเลือกตำแหน่งติดตั้ง
เครื่องแบบ Wall Mount:
- ติดตั้งบนผนังภายนอก
- ความสูงประมาณ 2.5-3 เมตร จากพื้น
- หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนสูง
เครื่องแบบ Ceiling Mount:
- ติดตั้งบนเพดาน
- ต้องมีพื้นที่สำหรับการซ่อมบำรุง
- คำนึงถึงการกระจายตัวของลม
3. การเชื่อมต่อระบบ
ระบบไฟฟ้า:
- ต่อสายไฟตามมาตรฐาน
- ติดตั้งเบรกเกอร์ป้องกัน
- เชื่อมต่อกับระบบควบคุม
ระบบท่อลม:
- ใช้ท่อที่มีฉนวนกันความร้อน
- หลีกเลี่ยงมุมแหลมและการงอแบบ 90 องศา
- ติดตั้งแผ่นกันสั่นสะเทือน
วิธีการติดตั้งตามประเภท
Wall Mount ERV
- เจาะรูผนัง ขนาดตามที่กำหนด (โดยทั่วไปประมาณ 4-6 นิ้ว)
- ติดตั้งตัวเครื่อง บนผนังภายนอก
- เชื่อมต่อระบบควบคุม ภายในอาคาร
- ทดสอบการทำงาน และปรับตั้งค่า
Ceiling Mount System
- เตรียมโครงเพดาน ให้รองรับน้ำหนักเครื่อง
- วางระบบท่อลม ให้ครอบคลุมพื้นที่ใช้งาน
- ติดตั้งเครื่อง บนเพดาน
- เชื่อมต่อระบบ และทดสอบ
การเลือกใช้เครื่องเติมอากาศ
เกณฑ์การเลือก
1. ตามงบประมาณ
งบประมาณต่ำ (10,000-20,000 บาท):
- เครื่องเติมอากาศแบบธรรมดา
- พัดลมกรองอากาศ
- เหมาะสำหรับพื้นที่เล็ก
งบประมาณกลาง (20,000-40,000 บาท):
- ERV ขนาดเล็ก
- ระบบที่มีการควบคุมอัตโนมัติ
- เหมาะสำหรับบ้านขนาดกลาง
งบประมาณสูง (40,000+ บาท):
- ERV ประสิทธิภาพสูง
- ระบบควบคุมอัจฉริยะ
- เหมาะสำหรับอาคารขนาดใหญ่
2. ตามการใช้งาน
ห้องนอน:
- ต้องการความเงียบ (< 30 dB)
- มีโหมดกลางคืน
- ควบคุมด้วย Remote หรือ App
ห้องนั่งเล่น:
- อัตราการแลกเปลี่ยนอากาศปานกลาง
- มีระบบ Auto Mode
- ดีไซน์สวยงาม
สำนักงาน:
- ประสิทธิภาพสูง
- ทำงานต่อเนื่อง
- ระบบควบคุมแบบรวมศูนย์
3. ตามคุณภาพอากาศภายนอก
พื้นที่มลพิษสูง:
- ต้องการระบบกรองหลายชั้น
- HEPA Filter Grade H13
- มี Pre-filter สำหรับฝุ่นหยาบ
พื้นที่มลพิษปานกลาง:
- ระบบกรองมาตรฐาน
- Medium Filter MERV 14
- เพียงพอสำหรับ PM2.5
แนะนำผลิตภัณฑ์จาก DWA Cool
จากข้อมูลที่ได้จากเว็บไซต์ dwacool.com นี่คือผลิตภัณฑ์แนะนำ:
เครื่องเติมอากาศระดับเล็ก (Small Level)
FAV-CEILING-100 – ราคา 7,700 บาท
- เหมาะสำหรับห้องเล็ก
- ติดตั้งบนเพดาน
- ฟังก์ชันพื้นฐาน
FAV-SR – ราคา 9,900 บาท
- ขนาดกะทัดรัด
- เหมาะสำหรับคอนโด
- ติดตั้งง่าย
เครื่องเติมอากาศระดับกลาง (Mid-Range)
FAV-WM-ERV – ราคา 22,000 บาท
- มีระบบ ERV
- ติดผนัง (Wall Mount)
- ประหยัดพลังงาน
เครื่องเติมอากาศระดับสูง (Premium)
FAV-CEILING-200-ERV – ราคา 62,000 บาท
- ERV ประสิทธิภาพสูง
- เหมาะสำหรับพื้นที่ใหญ่
- ระบบควบคุมอัจฉริยะ
พัดลมกรองอากาศ
PV100 – ราคา 8,800 บาท
- ขนาดเล็ก เงียบ
- เหมาะสำหรับห้องนอน
PV200-IAC – ราคา 29,900 บาท
- มีระบบ IAC (Intelligent Air Control)
- ปรับการทำงานอัตโนมัติ
ระบบกรองอากาศ
ประเภทของ Filter
1. Pre-Filter (แผ่นกรองหยาบ)
- กรองฝุ่นขนาดใหญ่
- ขนาดควบ คือ 10-50 มิกรอน
- ล้างทำความสะอาดได้
2. Medium Filter
- มาตรฐาน MERV 14
- กรองฝุ่น PM2.5 ได้ 85-95%
- อายุการใช้งาน 3-6 เดือน
3. HEPA Filter
- กรองฝุ่นขนาดเล็กได้ 99.97%
- เหมาะสำหรับผู้แพ้ภูมิไวเกิน
- ราคาสูงกว่าแผ่นกรองธรรมดา
4. Carbon Filter
- กรองกลิ่นและ VOCs
- ดูดซับสารเคมี
- ต้องเปลี่ยนเป็นระยะ
การบำรุงรักษา Filter
การตรวจสอบ:
- ตรวจสอบทุก 1-3 เดือน
- สังเกตสีและความสกปรก
- วัดค่าความดันลมผ่าน
การทำความสะอาด:
- Pre-filter: ล้างด้วยน้ำและสบู่
- Medium/HEPA: เปลี่ยนใหม่เท่านั้น
- Carbon: เปลี่ยนตามกำหนด
การควบคุมและระบบอัจฉริยะ
ระบบควบคุมพื้นฐาน
Manual Control:
- สวิตช์เปิด-ปิด
- ปรับความเร็วพัดลม
- Timer
Remote Control:
- ควบคุมระยะไกล
- ตั้งโปรแกรม
- แสดงสถานะ
ระบบควบคุมอัจฉริยะ
Smart Control via App:
- ควบคุมผ่าน WiFi
- ตรวจสอบสถานะแบบ Real-time
- ได้รับการแจ้งเตือน
Auto Mode:
- ปรับการทำงานตามค่า PM2.5
- ปรับการทำงานตามความชื้น
- โหมดประหยัดพลังงาน
เซนเซอร์ที่สำคัญ
Air Quality Sensor:
- วัดค่า PM2.5
- วัด VOCs
- วัด CO2
Temperature & Humidity Sensor:
- ควบคุมการทำงานของ ERV
- ป้องกันการควบแน่น
- รักษาความสะดวกสบาย
การประหยัดพลังงาน
เทคโนโลยี ERV
หลักการทำงาน:
- แลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างอากาศเข้า-ออก
- ลดอุณหภูมิอากาศที่เข้ามาในฤดูร้อน
- เพิ่มอุณหภูมิอากาศที่เข้ามาในฤดูหนาว
ประสิทธิภาพ:
- ประหยัดพลังงานได้ 28-70%
- ลดโหลดของเครื่องปรับอากาศ
- ควบคุมความชื้นได้ดีกว่า
วิธีการประหยัดพลังงาน
การตั้งค่า:
- ใช้ Timer สำหรับช่วงที่ไม่มีคน
- ปรับความเร็วพัดลมตามการใช้งาน
- ใช้ Auto Mode
การบำรุงรักษา:
- ทำความสะอาด Filter เป็นระยะ
- ตรวจสอบการรั่วซึมของท่อลม
- Calibrate เซนเซอร์เป็นระยะ
ข้อดีของระบบเติมอากาศ
ด้านสุขภาพ
คุณภาพอากาศดีขึ้น:
- ลดการสะสมของ PM2.5
- กำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรีย
- ลดสารก่อภูมิแพ้
การหายใจดีขึ้น:
- เพิ่มปริมาณออกซิเจน
- ลดคาร์บอนไดออกไซด์
- ป้องกันอาการขาดอากาศ
ด้านความสะดวกสบาย
การนอนหลับ:
- อากาศสดชื่นตลอดคืน
- ลดการตื่นจากอากาศอับ
- เพิ่มคุณภาพการพักผ่อน
การทำงาน:
- เพิ่มสมาธิและประสิทธิภาพ
- ลดความง่วงนอน
- สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงาน
ด้านเศรษฐกิจ
ประหยัดค่าไฟ:
- ลดการใช้งานเครื่องปรับอากาศ
- ระบบ ERV ประหยัดพลังงานสูง
- ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว
เพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์:
- อาคารที่มีระบบเติมอากาศมีมูลค่าสูงกว่า
- ตรงกับความต้องการของผู้อยู่อาศัยสมัยใหม่
ข้อควรระวังและข้อจำกัด
ข้อควรระวังในการใช้งาน
การติดตั้ง:
- ต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญ
- ตรวจสอบโครงสร้างอาคารก่อนติดตั้ง
- คำนึงถึงการระบายน้ำควบแน่น
การบำรุงรักษา:
- ต้องเปลี่ยน Filter เป็นระยะ
- ทำความสะอาดเป็นประจำ
- ตรวจสอบการทำงานของมอเตอร์
ข้อจำกัด
ต้นทุนเริ่มต้น:
- ราคาสูงกว่าพัดลมธรรมดา
- ค่าติดตั้งและอุปกรณ์เพิ่มเติม
การบำรุงรักษา:
- ต้องเปลี่ยน Filter อย่างสม่ำเสมอ
- อะไหล่อาจหาได้ยากในอนาคต
เทรนด์และนวัตกรรมใหม่
เทคโนโลยีที่กำลังมา
AI และ Machine Learning:
- เรียนรูปพฤติกรรมผู้ใช้
- ปรับการทำงานอัตโนมัติ
- ทำนายการบำรุงรักษา
IoT Integration:
- เชื่อมต่อกับระบบ Smart Home
- ควบคุมผ่าน Voice Assistant
- การแจ้งเตือนผ่าน Smartphone
มาตรฐานใหม่
Energy Efficiency:
- มาตรฐาน ENERGY STAR
- การรับรองประสิทธิภาพพลังงาน
- Green Building Standards
Air Quality Standards:
- มาตรฐาน ASHRAE อัพเดต
- การวัดคุณภาพอากาศแบบ Real-time
- Integration กับระบบเตือนภัย
สรุปและข้อแนะนำ
การเลือกเครื่องเติมอากาศที่เหมาะสม
สำหรับบ้านพักอาศัย:
- พื้นที่เล็ก (< 40 ตรม.): FAV-SR หรือ PV100
- พื้นที่กลาง (40-80 ตรม.): FAV-WM-ERV
- พื้นที่ใหญ่ (> 80 ตรม.): FAV-CEILING-200-ERV
สำหรับสำนักงาน:
- สำนักงานเล็ก: PV200-IAC
- สำนักงานขนาดกลาง: FAV-WM-ERV หลายเครื่อง
- ตึกสำนักงาน: ระบบ All Fresh Air Unit
ข้อแนะนำสำหรับการติดตั้ง
- วางแผนล่วงหน้า – ออกแบบระบบตั้งแต่เริ่มสร้างอาคาร
- เลือกผู้เชี่ยวชาญ – ใช้บริการติดตั้งจากบริษัทที่เชื่อถือได้
- ทำการบำรุงรักษา – ตั้งปฏิทินเปลี่ยน Filter และตรวจสอบระบบ
- ติดตามประสิทธิภาพ – วัดค่าคุณภาพอากาศเป็นระยะ
ผลตอบแทนจากการลงทุน
การลงทุนในระบบเติมอากาศที่ดีจะให้ผลตอบแทนในด้าน:
- สุขภาพ: ลดค่ารักษาพยาบาลจากโรคทางเดินหายใจ
- พลังงาน: ประหยัดค่าไฟ 15-30% ต่อปี
- ความสะดวกสบาย: เพิ่มคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพการทำงาน
- มูลค่าอสังหาริมทรัพย์: เพิ่มมูลค่าอาคารระยะยาว
ระบบเติมอากาศที่ดีไม่ใช่เพียงแค่อุปกรณ์เท่านั้น แต่เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ม
Call us
097-456-2994 , 097-456-4991
สนใจผลิตภัณฑ์และสอบถามเพิ่มเติม